🇸🇬 เคสในสิงคโปร์เริ่มกลับมาแบบก้าวกระโดด
(จาก 0-1 คน เป็น 8, 19, 56 คน ภายในเวลาแค่ 3 วัน)
.
ล่าสุด คลัสเตอร์ KTV (Karaoke TV lounge)
คล้ายสมัยที่ฮ่องกง 🇭🇰 เจอในคลัสเตอร์บาร์ที่จิมซาจุ่ย (ที่มีหญิงไทยทำงาน) ความยากลำบาก คือ ทั้งคนทำงานและคนเที่ยวจะปกปิดข้อมูล
.
ตอนนี้ คลัสเตอร์นี้ เริ่มลามไปส่วนอื่นแล้ว
ในข่าว คือ Food Court/Hawker Centre เขต Toa Payoh ถูกสั่งปิด และคนทำงานที่นี่ต้องกักตัว 14 วัน
.
ต้องดูต่อไปว่า สิงคโปร์จะเอาอยู่มั้ย
.
==================
เรื่องแนวทางของสิงคโปร์ที่จะให้ประชาชนอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้ พี่แป๋วมองว่า เป็นแนวทางที่ดี ในที่สุด การใช้ชีวิตก็ต้องเป็นแบบนี้
.
แต่! รัฐบาลอาจตัดสินใจเริ่มเร็วไป โดยเฉพาะในทางปฏิบัติบางเรื่อง
เช่น เรื่องตัดรายละเอียดรายงานผู้ติดเชื้อประจำวัน
ทำให้คนขาดข้อมูลเพื่อใช้เลี่ยงจุดเสี่ยงการแพร่ระบาด
.
หรือ ตั้งเป้าจะเปิดประเทศให้ได้ภายในปีนี้ ในขณะที่ ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเล อินโด ไทย ฯลฯ กำลังอ่วม
.
ถ้ายังไม่ปิดช่องโหว่เคส import ให้เข้าสู่ชุมชนให้ได้ หรือ ช่องโหว่ในชุมชนหลายๆ จุด เช่น “บังคับตรวจ” พื้นที่เสี่ยงให้มากกว่านี้ ไม่ใช่แค่ ใครไปจุดที่คิดว่ามีการระบาด ให้เฝ้าระวังอาการตัวเอง อยากตรวจก็ได้ แต่ไม่บังคับ ฯลฯ
.
แนวทางอยู่ร่วมกับโควิดที่จะอยู่แบบยังคุมโควิดได้ มันจะกลายเป็นอยู่แบบคุมไม่ได้
.
ทีนี้ จะส่งผลกับระบบสาธารณสุข
คล้ายๆ ที่ฮ่องกงเคยกล่าวไว้ตอนคิดจะทบทวน travel bubble กันล่าสุด